บทความที่ได้รับความนิยม

วันพุธที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2554

กวาวเครือแดง


กวาวเครือแดง เหมาะสำหรับท่านชาย ตำรับหมอจ๋าย
ส่วนประกอบใน 1 แคปซูลประกอบด้วย
กวาวเครือแดง 30 มิลลิกรัม มะขามป้อม 40 มิลลิกรัม สมอพิเภก 40 มิลลิกรัม สมอไทย 40 มิลลิกรัม ม้ากระทืบโรง 40 มิลลิกรัม มะพลับ 40 มิลลิกรัม
สรรพคุณ ว เป็นยาบำรุงร่างกาย เป็นสมุนไพรชั้นยอด ในการบำรุงร่างกายและเสริมสร้างสมรรถภาพได้อย่างดีเยี่ยม ซึ่งกำลังนิยมในปัจจุบันโดยเฉพาะเมื่อนำกวาวเครือแดงที่มีสรรพคุณอันโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาปรุงเป็นยาด้วยแล้ว รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยระบบไหลเวียนโลหิต แก้บิดมูกเลือดปวดมวนในท้อง รักษาโรคลำใส้อักเสบ
ดังนั้นจึงสรุปได้ว่ากวาวเครือแดง บำรุงร่างกายและสมรรถภาพทางเพศเสื่อม บำรุงเลือดต้านอาการเครียด ลดปริมาณน้ำตาลในเลือดสูง ชลอความแก่
รับประทาน ครั้งละ 1 แคปซูล วันฃะ 1 ตรั้งก่อนอาหาร
การเก็บรักษา เก็บในที่แห้งและเย็น
ขนาดบรรจุ 30 แคปซูล ราคา 500 บาท
ส่วนประกอบ
มะพลับ
ม้ากระทีบโรง
มะขามป้อม
สมอพิเภก
กวาวเครือแดง
สมอ พิเภก
สมอไทย และอื่นๆ
ติดต่อได้ที่ ภัทรศิริ 028107832 0868030656
http://www.patsiri.com/


ว่านชักมดลูก ว่านมหาเมฆ

ยกเครื่องเรื่องผู้หญิง ให้กระชับและเต่งตึงด้วย  “ว่านชักมดลูก” มารู้จักว่านชักมดลูกกันเถอะ
“ว่านชักมดลูก” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า  Curcuma  Zanthorrhiza Roxb. เป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในวงศ์ ZINGIBERA
CEAE ซึ่งเป็นพืชตระกูลขิง  โดยมีชื่อพื้นเมือง ที่เราเรียกกันจนคุ้นเคยติดปากว่า  “ว่านทรหด” สำหรับชื่ออื่นๆ ที่ใช้เรียกกันตามท้องที่ต่าง ๆ ได้แก่ “ว่านพระยาหัวศึก” “ว่านการบูรเลือด”

ว่านชักมดลูก  เป็นไม้ล้มลุกจำพวกเหง้าใต้ดิน  อยู่ในวงศ์ขิง  ข่า  สูงได้ถึง  2 เมตร  ใบมีลักษณะเป็นพืช  ใบเดี่ยวเหมือนขมิ้น  แต่มีความใหญ่โตผิดกว่ากันหลายเท่าเรียงกันเป็นกระจุก  อยู่ใกล้ราก  รูปขอบใบขนานแกมวงรี  กว้าง 15-21  เซนติเมตร  ยาว 40-90 เซนติเมตร  โดยร่องกลางใบมีลักษณะเป็นทาง  สีดำแดง หรือสีน้ำตาลหม่นปนแดง  กว้างได้ถึง  10 เซนติเมตร  กาบใบยาวได้ถึง 75 เซนติเมตร  เหง้าหรือหัว มีลักษณะกลมใหญ่และเกลี้ยงเหมือนดั่งหัวเผือกอาจยาวได้ถึง 10 เซนติเมตร  ผิวด้านนอกมีสีส้มอ่อน  เนื้อในหัวมีสีขาวเหลือง, สีส้ม, หรือส้มแดง ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ปลูก  โดยหัวว่านชักมดลูกนั้นมีกลิ่นฉุนร้อน และรสต่างกันเป็น 5 รส  ดอก  มีลักษณะเป็นช่อเชิงลดรูปทรงกระบอก  กว้าง 8-10 เซนติเมตร  ยาว 16-20 เซนติเมตร ก้านดอกยาว15-20 เซนติเมตร ใบประดับที่ได้ได้รองรับดอกย่อยสีม่วง ยาวได้ถึง 9 เซนติเมตร  ใบประดับที่รองรับดอกย่อยสีเขียวอ่อน  ยาว 5-6 เซนติเมตร  ใบประดับย่อยยาวได้ถึง 2.5  เซนติเมตร  กลีบดอกสีชมพู เกสรตัวผู้ที่เป็นหมันสีขาว กลีบปาก สีเหลืองแถบกลางสีเหลืองเข้ม
นอกจากนี้แล้ว “ว่านชักมดลูก” ยังเป็นไม้ที่เจริญงอกงาม ได้ดีในฤดูฝน  แต่เมื่อเข้าหน้าหนาวต้นจะโทรมและทิ้งใบเกลี้ยง  เหลือแต่หัวที่ฝังอยู่ในดิน ซึ่งต้องรีบขุดมาใช้ มิฉะนั้นสรรพคุณ  ทางยาจะเสื่อมคุณภาพลง
ว่านชักมดลูกมีกี่ประเภท?
ว่านชักมดลูกที่เรารู้จักกันมีอยู่ 2 ประเภท ซึ่งอาจแบ่งได้ตามสายพันธุ์ ดังนี้ คือ
ว่านชักมดลูก (ตัวผู้) ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า  Curcuma Zanthorrhiza Roxb.
ว่านชักมดลูก (ตัวเมีย)  มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า  Curcuma Comosa Roxb.
ว่านชักมดลูกทั้ง 2 สายพันธุ์นี้จะมีลักษณะ ภายนอกที่คล้ายคลึงกัน  แต่ส่วนใหญ่มักนิยมว่านชักมดลูกตัวผู้มาเข้าในตำรับยามากกว่าตัวเมีย  เพราะสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ซึ่งมีสรรพคุณในทางยามีมากกว่านั้นเอง

ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา
จากผลการวิจัยสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ทางยาของว่านชักมดลูกจากสถาบันต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องพบว่า  ใน “ว่านชักมดลูก” มีสารออกฤทธิ์ที่สามารถลดการอักเสบ ยับยั้งเนื้องอก  ยับยั้งการสังเคราะห์กรดไขมันลดปริมาณ ไตรกลีเซอไรด์และโคเลสเตอรอลในเลือดที่มีปริมาณสูง  ยับยั้งเบาหวานและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ ลดการซึมผ่านของหลอดเลือด แก้ปวด รักษาแผล ปรับ อุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล ลดพฤติกรรมธรรมชาติของสัตว์ทดลอง  เพิ่มฤทธิ์บาร์บิตูเรต ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์เป็นพิษต่อเซลล์ ยับยั้งการเป็นพิษต่อตับ กระตุ้นการผลิต น้ำดี ลดเวลาการหลับของบาร์บิตูเรต ยับยั้งเอนไซม์ GPT, GOT, alkaline phosphatase, adenine nucleotide translocass (HIV)  ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านไวรัส ต้านเชื้อรา กระตุ้นการเพิ่มจำนวนเซลล์น้ำเหลือง เพิ่มน้ำหนักมดลูกและปริมาณไกลโคเจน มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนฆ่าแมลง และ ลดการสร้างเม็ดสีผิวได้  ซึ่งสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในทางยาที่มีอยู่ใน “ว่านชักมดลูก” จริง ๆ  แล้วมีมากมายหลายกลุ่มหนึ่งในนั้นก็คือ  เคอร์คิวมิน  เป็นสารที่สกัดได้จากขมิ้น ซึ่งให้ประโยชน์หลายประการ แต่ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของกระเพาะอาหาร
ผลสรุปทางการวิจัย ยังพบอีกว่า “ว่านชักมดลูก” มีผลคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนที่มีในเพศหญิง  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเข้าใจก่อนว่าตัวของว่านชักมดลูกเอง ไม่ใช่ฮอร์โมน แต่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเท่านั้น  นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์เพิ่มการขับน้ำดีและสามารถป้องกันมะเร็งในสัตว์ทดลองได้
สรรพคุณ “ว่านชักมดลูก” ของไทย ตามบันทึกในตำรับยาแผนโบราณได้กล่าวไว้ว่า  “ว่านชักมดลูก”  มีคุณประโยชน์และให้ความปลอดภัยในการใช้สำหรับผู้หญิงมากกว่ากวาวเครือ  เพราะว่านชักมดลูกมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ เสริมหน้าอก  ทำให้ผิวพรรณขาวนวล ลบรอยเหี่ยวย่นได้  แต่ “ว่านชักมดลูก” มีคุณสมบัติที่พิเศษกว่า “กราวเครือ” คือ ช่วยรักษามดลูกที่ทรุดตัว  หรือเรียกว่ามดลูกต่ำให้เข้าที่  นอกจากนี้ยังช่วยกระชับช่องคลอด กระชับหน้าท้องที่หย่อนยานอันเกิดจากการคลอดบุตร  ทำให้หน้าท้องตึงเรียบเหมือนสาว ๆ  และยังช่วยให้ผู้หญิงที่อารมณ์ทางเพศหายไป กลับมามีเหมือนเดิม “ว่านชักมดลูก” ยังช่วยให้ผู้หญิงที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว จิตใจห่อเหี่ยว อ่อนไหวง่าย โกรธง่ายหายไป  ทำให้คึกคักเข้มแข็งขึ้น  อีกทั้งยังช่วยป้องกันมะเร็งปากช่องคลอด หรือภายในมดลูก ช่วยรักษาซีสต์ และเนื้องอกภายในช่องคลอดให้ฝ่อตัว หรือเล็กลงด้วย  นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือนอย่างได้ผลชะงัก  เพราะฉะนั้นหากจะเทียบกันแล้ว “ว่านชักมดลูก” จึงมีประโยชน์เหนือกว่ากราวเครือมาก
แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า การใช้ว่านชักมดลูกเพียงอย่างเดียวจะให้สรรพคุณได้ไม่มากเท่าที่ควร  ตามตำรายาโบราณได้ระบุถึงการนำสมุนไพรมาใช้งานว่า ต้องปรุงขึ้นตามสูตรยานั้น ๆ และจำเป็นต้องอาศัยสมุนไพรอีกหลายชนิดผสมเข้าไป จึงจะช่วยให้ออกฤทธิ์และได้ผลสูงสุด  ซึ่งสรรพคุณของว่านชักมดลูกที่มีบันทึกตามตำรับยาแผนโบราณเมื่อหลายร้อยปีก่อน ได้ระบุถึงผลการนำมาบำบัดอาการต่าง ๆ  ที่เกิดขึ้นกับร่างกายไว้ว่า
-   ช่วยกระชับช่องคลอดภายในสตรี
-   ทำให้มีอารมณ์ทางเพศสมบูรณ์
-   ดับกลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นภายในช่องคลอดให้ลดลงหรือหายไป
-   ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าขาวนวล และมีเลือดฝาด
-   ทำให้มดลูกต่ำและ อาการตกขาวดีขึ้น
-   ช่วยรักษาอาการหน่วงเสียวมดลูก หรือเจ็บท้องน้อยเป็นประจำได้ดี
-   ช่วยรักษาอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง
-   มีผลในการลดหน้าท้องที่หย่อนยาน ซึ่งเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องหดตัว  และเล็กลง
-  เสริมสร้างทรวงอกให้เต่งตึง  กระชับ ไม่เหี่ยวย่น หย่อนยาน
วิธีการใช้  “ว่านชักมดลูก” ตามตำรายาโบราณได้มีบันทึกไว้ตามตำรายาแผนโบราณของไทย ซึ่งเท่าที่ค้นพบจะมีวิธีการใช้ดังนี้
-  ให้นำหัวว่านชักมดลูกมาฝนกับเหล้าดื่มแก้ปวดมดลูกหรือใช้ปรุงเป็นยาต้ม แก้มดลูกพิการปวดบวม  ทำให้มดลูกรัดตัวเล็กลง เรียกว่า “มดลูกเข้าอู่”  สำหรับสตรีที่คลอดบุตรใหม่ ๆ นำหัวว่านสดมารับประทานแก้โรคลำไส้  หรือใช้หัวว่านชักมดลูกตำเป็นผงกินกับน้ำร้อน แก้ริดสีดวงทวารชนิดกลีบมะไฟและเดือยไก่
-  การใช้ว่านชักมดลูก เพื่อรักษาอาการมดลูกพิการปวดบวมที่บริเวณมดลูก หรือเป็นมุตกิตระดูขาว  มีวิธีการใช้ดังนี้ คือ ให้นำหัวว่านชักมดลูกไปฝานเป็นชิ้น ๆ  จากนั้นนำไปปิ้งหรือย่างไฟให้แห้ง  แล้วนำมาดองกับเหล้าสกัดสักสองสามวัน  ดื่มวันละสองเวลาก่อนอาหาร จะช่วยบำบัดอาการทั้งหลายเหล่านั้น ให้สิ้นไป หรือหากแท้งลูกใหม่ ๆ ก็ให้รับประทานว่านชักมดลูกนี้กับเหล้าหรือน้ำปูนใส อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ จะหายไปได้
-  สำหรับท่านชาย หากเป็นกษัย ปัสสาวะขุ่นข้อง  เบาแดง  เบาเหลือง  หรือขุ่นข้น  เบาหวาน  จะแก้ให้หายได้  โดยดื่มน้ำดองหัวว่านเป็นระยะเวลาสม่ำเสมอ  ก็จะปราศจากอาการ ดังกล่าวได้
-  หากนำหัวว่านมาโขลกกับเหล้าขาว 40 ดีกรี  กรองเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยรักษาผู้ชายที่เป็นไส้เลื่อน  กระบังลมเคลื่อนได้  นอกจากนี้ยังใช้หัวว่านสดมารับประทานแก้โรคริดสีดวงทวารได้ โดยตำให้แหลกผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน หรือจะดื่มกับน้ำร้อนก็ได้ผลเช่นเดียวกัน  ข้อควรระวังคือ  ขณะที่รับประทานว่านชักมดลูกนี้  ห้ามรับประทานของคาวจัดหรือมันเลี่ยนจนเกินไป เพราะจะทำให้ตัวยาอ่อนฤทธิ์ลงได้
การใช้  “ว่านชักมดลูก”  สำหรับสตรี แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ
-  ระยะแรกซึ่งเป็นระยะที่เริ่มมีประจำเดือน จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตตามลักษณะของผู้หญิงที่ควรจะเป็น เช่น ไม่มีอาการปวดประจำเดือน  ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณผ่องใส หน้าอกเต่งตึงตามวัย ช่วยรักษาอาการตกขาวที่ผิดปกติ และทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น
-  ระยะที่สอง วัยแต่งงานหรือมีบุตรแล้ว จะช่วยทำให้อารมณ์ทางเพศสมบูรณ์ขึ้น ช่องคลอดกระชับ หน้าอกเต่งตึงอยู่เสมอ หน้าท้องไม่ลายหลังจากการคลอดบุตร นอกจากนี้ยังช่วยทำให้อารมณ์จิตใจแจ่มใสสดชื่น  ช่วยดับกลิ่นไม่พึงปรารถนา และลบรอยเหี่ยวย่นตามร่างกายทั่วไปได้ดี
-  ระยะที่สาม หรือระยะเริ่มเข้าสู่วัยทอง คือหลังจากอายุ 45 ปีขึ้นไป  ว่านชักมดลูกจะช่วยไม่ให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด มึนหัว หน้ามืด อ่อนเพลีย  เหนื่อยง่าย  อาการร้อนวูบวาบ ปวดเนื้อ ปวดหัว อารมณ์ฉุนเฉียว โมโหง่าย  จิตใจห่อเหี่ยวซึมเศร้า ท้อแท้ ความจำเสื่อม นอนหลับยาก เวลาร่วมเพศไม่มีอารมณ์ น้ำหล่อลื่นไม่มี อาการเหล่านี้ตามตำรายาโบราณได้มีบันทึกไว้ว่า  “ว่านชักมดลูก”  สามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ นี้ได้
“ว่านชักมดลูก”  สำหรับสาวประเภทสอง  จากบันทึกตามตำรายาแผนโบราณกล่าวไว้ว่า  “สมุนไพรว่านชักมดลูก”  สามารถใช้ได้กับคนทุกประเภท  ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายหรือแม้แต่คนที่มีความผิดปกติทางเพศ  เช่น กลุ่มคนที่เรียกว่า  ทอม หรือ กระเทย  ก็สามารถใช้ว่านชักมดลูกมาเสริมสร้างร่างกายให้สดใสแข็งแรงได้เช่นกัน โดยคุณประโยชน์ที่จะได้รับก็คือ
-  ทำให้ร่างกายแข็งแรง  นวล สดใส  เปล่งปลั่ง  มีน้ำมีนวล
-  กลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นอับในที่ต่างๆ จะหายไปโดยไม่ต้องใช้น้ำหอมต่างๆ มาช่วย
-  อารมณ์ทางเพศที่ไม่สมบูรณ์  จะกลับมาสมบูรณ์เช่นเดิม
-  อารมณ์ฉุนเฉียว  หรืออ่อนไหวง่าย  จะเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดี  เข้มแข็งขึ้น
- สิว  ฝ้า  บนใบหน้าหรือร่างกาย  จะจางลงและค่อย หมดไป
ส่วนประกอบสำคัญ  :  ว่านชักมดลูก,  ว่านมหาเมฆ,  กระวาน,  ไพล,  คำไทย,  ฝาง  และตัวยาอื่น ๆ
วิธีใช้ : ผู้ใหญ่ทานครั้งละ 2 – 3 แคปซูล ก่อนอาหารเช้า - เย็น
ผลิตภัณฑ์คุณภาพ  ผลิตโดย  ตำรับ หมอจ๋าย โดย http://www.patsiri.com/ เป็นยาแผนโบราณ และยาสามัญประจำบ้าน



จำนวนการสั่งซื้อตามรายละเอียด ดังนี้ค่ะ
ราคาขายปลีกเพียงกระปุกละ  500 บาท

ผิวพรรณดี ดับกลิ่นประจำถิ่น










patsiri.com ยกเครื่องเรื่องผู้หญิง ให้กระชับและเต่งตึงด้วย “ว่านชักมดลูก” มารู้จักว่านชักมดลูกกันเถอะ “ว่านชักมดลูก” มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma Zanthorrhiza Roxb. เป็นพืชสมุนไพรที่อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE ซึ่งเป็นพืชตระกูลขิง โดยมีชื่อพื้นเมือง ที่เราเรียกกันจนคุ้นเคยติดปากว่า “ว่านทรหด” สำหรับชื่ออื่นๆ ที่ใช้เรียกกันตามท้องที่ต่าง ๆ ได้แก่ “ว่านพระยาหัวศึก” “ว่านการบูรเลือด” ว่านชักมดลูก เป็นไม้ล้มลุกจำพวกเหง้าใต้ดิน อยู่ในวงศ์ขิง ข่า สูงได้ถึง 2 เมตร ใบมีลักษณะเป็นพืช ใบเดี่ยวเหมือนขมิ้น แต่มีความใหญ่โตผิดกว่ากันหลายเท่าเรียงกันเป็นกระจุก อยู่ใกล้ราก รูปขอบใบขนานแกมวงรี กว้าง 15-21 เซนติเมตร ยาว 40-90 เซนติเมตร โดยร่องกลางใบมีลักษณะเป็นทาง สีดำแดง หรือสีน้ำตาลหม่นปนแดง กว้างได้ถึง 10 เซนติเมตร กาบใบยาวได้ถึง 75 เซนติเมตร เหง้าหรือหัว มีลักษณะกลมใหญ่และเกลี้ยงเหมือนดั่งหัวเผือกอาจยาวได้ถึง 10 เซนติเมตร ผิวด้านนอกมีสีส้มอ่อน เนื้อในหัวมีสีขาวเหลือง, สีส้ม, หรือส้มแดง ซึ่งขึ้นอยู่กับพื้นที่ปลูก โดยหัวว่านชักมดลูกนั้นมีกลิ่นฉุนร้อน และรสต่างกันเป็น 5 รส ดอก มีลักษณะเป็นช่อเชิงลดรูปทรงกระบอก กว้าง 8-10 เซนติเมตร ยาว 16-20 เซนติเมตร ก้านดอกยาว15-20 เซนติเมตร ใบประดับที่ได้ได้รองรับดอกย่อยสีม่วง ยาวได้ถึง 9 เซนติเมตร ใบประดับที่รองรับดอกย่อยสีเขียวอ่อน ยาว 5-6 เซนติเมตร ใบประดับย่อยยาวได้ถึง 2.5 เซนติเมตร กลีบดอกสีชมพู เกสรตัวผู้ที่เป็นหมันสีขาว กลีบปาก สีเหลืองแถบกลางสีเหลืองเข้ม นอกจากนี้แล้ว “ว่านชักมดลูก” ยังเป็นไม้ที่เจริญงอกงาม ได้ดีในฤดูฝน แต่เมื่อเข้าหน้าหนาวต้นจะโทรมและทิ้งใบเกลี้ยง เหลือแต่หัวที่ฝังอยู่ในดิน ซึ่งต้องรีบขุดมาใช้ มิฉะนั้นสรรพคุณ ทางยาจะเสื่อมคุณภาพลง ว่านชักมดลูกมีกี่ประเภท? ว่านชักมดลูกที่เรารู้จักกันมีอยู่ 2 ประเภท ซึ่งอาจแบ่งได้ตามสายพันธุ์ ดังนี้ คือ ว่านชักมดลูก (ตัวผู้) ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma Zanthorrhiza Roxb. ว่านชักมดลูก (ตัวเมีย) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Curcuma Comosa Roxb. ว่านชักมดลูกทั้ง 2 สายพันธุ์นี้จะมีลักษณะ ภายนอกที่คล้ายคลึงกัน แต่ส่วนใหญ่มักนิยมว่านชักมดลูกตัวผู้มาเข้าในตำรับยามากกว่าตัวเมีย เพราะสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ซึ่งมีสรรพคุณในทางยามีมากกว่านั้นเอง ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา จากผลการวิจัยสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ทางยาของว่านชักมดลูกจากสถาบันต่าง ๆ ซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องพบว่า ใน “ว่านชักมดลูก” มีสารออกฤทธิ์ที่สามารถลดการอักเสบ ยับยั้งเนื้องอก ยับยั้งการสังเคราะห์กรดไขมันลดปริมาณ ไตรกลีเซอไรด์และโคเลสเตอรอลในเลือดที่มีปริมาณสูง ยับยั้งเบาหวานและการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบ ลดการซึมผ่านของหลอดเลือด แก้ปวด รักษาแผล ปรับ อุณหภูมิในร่างกายให้สมดุล ลดพฤติกรรมธรรมชาติของสัตว์ทดลอง เพิ่มฤทธิ์บาร์บิตูเรต ยับยั้งการก่อกลายพันธุ์เป็นพิษต่อเซลล์ ยับยั้งการเป็นพิษต่อตับ กระตุ้นการผลิต น้ำดี ลดเวลาการหลับของบาร์บิตูเรต ยับยั้งเอนไซม์ GPT, GOT, alkaline phosphatase, adenine nucleotide translocass (HIV) ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านไวรัส ต้านเชื้อรา กระตุ้นการเพิ่มจำนวนเซลล์น้ำเหลือง เพิ่มน้ำหนักมดลูกและปริมาณไกลโคเจน มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนฆ่าแมลง และ ลดการสร้างเม็ดสีผิวได้ ซึ่งสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ในทางยาที่มีอยู่ใน “ว่านชักมดลูก” จริง ๆ แล้วมีมากมายหลายกลุ่มหนึ่งในนั้นก็คือ เคอร์คิวมิน เป็นสารที่สกัดได้จากขมิ้น ซึ่งให้ประโยชน์หลายประการ แต่ที่เห็นได้ชัดคือเรื่องของกระเพาะอาหาร ผลสรุปทางการวิจัย ยังพบอีกว่า “ว่านชักมดลูก” มีผลคล้ายกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนที่มีในเพศหญิง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องเข้าใจก่อนว่าตัวของว่านชักมดลูกเอง ไม่ใช่ฮอร์โมน แต่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์เพิ่มการขับน้ำดีและสามารถป้องกันมะเร็งในสัตว์ทดลองได้ สรรพคุณ “ว่านชักมดลูก” ของไทย ตามบันทึกในตำรับยาแผนโบราณได้กล่าวไว้ว่า “ว่านชักมดลูก” มีคุณประโยชน์และให้ความปลอดภัยในการใช้สำหรับผู้หญิงมากกว่ากวาวเครือ เพราะว่านชักมดลูกมีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อกระชับ เสริมหน้าอก ทำให้ผิวพรรณขาวนวล ลบรอยเหี่ยวย่นได้ แต่ “ว่านชักมดลูก” มีคุณสมบัติที่พิเศษกว่า “กราวเครือ” คือ ช่วยรักษามดลูกที่ทรุดตัว หรือเรียกว่ามดลูกต่ำให้เข้าที่ นอกจากนี้ยังช่วยกระชับช่องคลอด กระชับหน้าท้องที่หย่อนยานอันเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องตึงเรียบเหมือนสาว ๆ และยังช่วยให้ผู้หญิงที่อารมณ์ทางเพศหายไป กลับมามีเหมือนเดิม “ว่านชักมดลูก” ยังช่วยให้ผู้หญิงที่มีอารมณ์ฉุนเฉียว จิตใจห่อเหี่ยว อ่อนไหวง่าย โกรธง่ายหายไป ทำให้คึกคักเข้มแข็งขึ้น อีกทั้งยังช่วยป้องกันมะเร็งปากช่องคลอด หรือภายในมดลูก ช่วยรักษาซีสต์ และเนื้องอกภายในช่องคลอดให้ฝ่อตัว หรือเล็กลงด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดประจำเดือนอย่างได้ผลชะงัก เพราะฉะนั้นหากจะเทียบกันแล้ว “ว่านชักมดลูก” จึงมีประโยชน์เหนือกว่ากราวเครือมาก แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า การใช้ว่านชักมดลูกเพียงอย่างเดียวจะให้สรรพคุณได้ไม่มากเท่าที่ควร ตามตำรายาโบราณได้ระบุถึงการนำสมุนไพรมาใช้งานว่า ต้องปรุงขึ้นตามสูตรยานั้น ๆ และจำเป็นต้องอาศัยสมุนไพรอีกหลายชนิดผสมเข้าไป จึงจะช่วยให้ออกฤทธิ์และได้ผลสูงสุด ซึ่งสรรพคุณของว่านชักมดลูกที่มีบันทึกตามตำรับยาแผนโบราณเมื่อหลายร้อยปีก่อน ได้ระบุถึงผลการนำมาบำบัดอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายไว้ว่า - ช่วยกระชับช่องคลอดภายในสตรี - ทำให้มีอารมณ์ทางเพศสมบูรณ์ - ดับกลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นภายในช่องคลอดให้ลดลงหรือหายไป - ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าขาวนวล และมีเลือดฝาด - ทำให้มดลูกต่ำและ อาการตกขาวดีขึ้น - ช่วยรักษาอาการหน่วงเสียวมดลูก หรือเจ็บท้องน้อยเป็นประจำได้ดี - ช่วยรักษาอาการปวดประจำเดือนอย่างรุนแรง - มีผลในการลดหน้าท้องที่หย่อนยาน ซึ่งเกิดจากการคลอดบุตร ทำให้หน้าท้องหดตัว และเล็กลง - เสริมสร้างทรวงอกให้เต่งตึง กระชับ ไม่เหี่ยวย่น หย่อนยาน วิธีการใช้ “ว่านชักมดลูก” ตามตำรายาโบราณได้มีบันทึกไว้ตามตำรายาแผนโบราณของไทย ซึ่งเท่าที่ค้นพบจะมีวิธีการใช้ดังนี้ - ให้นำหัวว่านชักมดลูกมาฝนกับเหล้าดื่มแก้ปวดมดลูกหรือใช้ปรุงเป็นยาต้ม แก้มดลูกพิการปวดบวม ทำให้มดลูกรัดตัวเล็กลง เรียกว่า “มดลูกเข้าอู่” สำหรับสตรีที่คลอดบุตรใหม่ ๆ นำหัวว่านสดมารับประทานแก้โรคลำไส้ หรือใช้หัวว่านชักมดลูกตำเป็นผงกินกับน้ำร้อน แก้ริดสีดวงทวารชนิดกลีบมะไฟและเดือยไก่ - การใช้ว่านชักมดลูก เพื่อรักษาอาการมดลูกพิการปวดบวมที่บริเวณมดลูก หรือเป็นมุตกิตระดูขาว มีวิธีการใช้ดังนี้ คือ ให้นำหัวว่านชักมดลูกไปฝานเป็นชิ้น ๆ จากนั้นนำไปปิ้งหรือย่างไฟให้แห้ง แล้วนำมาดองกับเหล้าสกัดสักสองสามวัน ดื่มวันละสองเวลาก่อนอาหาร จะช่วยบำบัดอาการทั้งหลายเหล่านั้น ให้สิ้นไป หรือหากแท้งลูกใหม่ ๆ ก็ให้รับประทานว่านชักมดลูกนี้กับเหล้าหรือน้ำปูนใส อาการเจ็บป่วยต่าง ๆ จะหายไปได้ - สำหรับท่านชาย หากเป็นกษัย ปัสสาวะขุ่นข้อง เบาแดง เบาเหลือง หรือขุ่นข้น เบาหวาน จะแก้ให้หายได้ โดยดื่มน้ำดองหัวว่านเป็นระยะเวลาสม่ำเสมอ ก็จะปราศจากอาการ ดังกล่าวได้ - หากนำหัวว่านมาโขลกกับเหล้าขาว 40 ดีกรี กรองเอาแต่น้ำดื่ม จะช่วยรักษาผู้ชายที่เป็นไส้เลื่อน กระบังลมเคลื่อนได้ นอกจากนี้ยังใช้หัวว่านสดมารับประทานแก้โรคริดสีดวงทวารได้ โดยตำให้แหลกผสมน้ำผึ้งปั้นเป็นลูกกลอน หรือจะดื่มกับน้ำร้อนก็ได้ผลเช่นเดียวกัน ข้อควรระวังคือ ขณะที่รับประทานว่านชักมดลูกนี้ ห้ามรับประทานของคาวจัดหรือมันเลี่ยนจนเกินไป เพราะจะทำให้ตัวยาอ่อนฤทธิ์ลงได้ การใช้ “ว่านชักมดลูก” สำหรับสตรี แบ่งได้เป็น 3 ระยะ คือ - ระยะแรกซึ่งเป็นระยะที่เริ่มมีประจำเดือน จะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตตามลักษณะของผู้หญิงที่ควรจะเป็น เช่น ไม่มีอาการปวดประจำเดือน ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณผ่องใส หน้าอกเต่งตึงตามวัย ช่วยรักษาอาการตกขาวที่ผิดปกติ และทำให้อารมณ์แจ่มใสขึ้น - ระยะที่สอง วัยแต่งงานหรือมีบุตรแล้ว จะช่วยทำให้อารมณ์ทางเพศสมบูรณ์ขึ้น ช่องคลอดกระชับ หน้าอกเต่งตึงอยู่เสมอ หน้าท้องไม่ลายหลังจากการคลอดบุตร นอกจากนี้ยังช่วยทำให้อารมณ์จิตใจแจ่มใสสดชื่น ช่วยดับกลิ่นไม่พึงปรารถนา และลบรอยเหี่ยวย่นตามร่างกายทั่วไปได้ดี - ระยะที่สาม หรือระยะเริ่มเข้าสู่วัยทอง คือหลังจากอายุ 45 ปีขึ้นไป ว่านชักมดลูกจะช่วยไม่ให้เกิดอารมณ์หงุดหงิด มึนหัว หน้ามืด อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย อาการร้อนวูบวาบ ปวดเนื้อ ปวดหัว อารมณ์ฉุนเฉียว โมโหง่าย จิตใจห่อเหี่ยวซึมเศร้า ท้อแท้ ความจำเสื่อม นอนหลับยาก เวลาร่วมเพศไม่มีอารมณ์ น้ำหล่อลื่นไม่มี อาการเหล่านี้ตามตำรายาโบราณได้มีบันทึกไว้ว่า “ว่านชักมดลูก” สามารถช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ นี้ได้ “ว่านชักมดลูก” สำหรับสาวประเภทสอง จากบันทึกตามตำรายาแผนโบราณกล่าวไว้ว่า “สมุนไพรว่านชักมดลูก” สามารถใช้ได้กับคนทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายหรือแม้แต่คนที่มีความผิดปกติทางเพศ เช่น กลุ่มคนที่เรียกว่า ทอม หรือ กระเทย ก็สามารถใช้ว่านชักมดลูกมาเสริมสร้างร่างกายให้สดใสแข็งแรงได้เช่นกัน โดยคุณประโยชน์ที่จะได้รับก็คือ - ทำให้ร่างกายแข็งแรง นวล สดใส เปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวล - กลิ่นปาก กลิ่นตัว กลิ่นอับในที่ต่างๆ จะหายไปโดยไม่ต้องใช้น้ำหอมต่างๆ มาช่วย - อารมณ์ทางเพศที่ไม่สมบูรณ์ จะกลับมาสมบูรณ์เช่นเดิม - อารมณ์ฉุนเฉียว หรืออ่อนไหวง่าย จะเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดี เข้มแข็งขึ้น - สิว ฝ้า บนใบหน้าหรือร่างกาย จะจางลงและค่อย หมดไป ส่วนประกอบสำคัญ : ว่านชักมดลูก, ว่านมหาเมฆ, กระวาน, ไพล, คำไทย, ฝาง และตัวยาอื่น ๆ วิธีใช้ : ผู้ใหญ่ทานครั้งละ 2 – 3 แคปซูล ก่อนอาหารเช้า - เย็น ผลิตภัณฑ์คุณภาพ ผลิตโดย ตำรับ หมอจ๋าย โดย www.patsiri.com เป็นยาแผนโบราณ และยาสามัญประจำบ้าน -------------------------------------------------------------------------------- จำนวนการสั่งซื้อตามรายละเอียด ดังนี้ค่ะ ราคาขายปลีกเพียงกระปุกละ 500 บาท

วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554

www.patsiri.com: กฐินผ้าป่า ปู่ย่าตายายไม่สบายเป็นไข้

www.patsiri.com: กฐินผ้าป่า ปู่ย่าตายายไม่สบายเป็นไข้: "เนื่องจากเป็นเทศกาลบุญกุศล พร้อมกับมีลมว่าวเข้าฤดูหนาว ชวนให้คนแก่เฒ่าไม่สบาย ต้องใช้รถยนต์ ไปไหนมาไหน ยามน้ำมันแพง เราลองมาใช้ปลั๊กประหยัดน..."
เกิดมา 70 ปี ไม่เคยเห็นปีไหนหนาวอย่างนี้ ธรรมชาติกำลังกลับมาทำโทษ ของคนที่ผิดศีลผิดธรรม จะเหลืออยู่บ้างก็คนมีบุญ ไม่ผิดผัว ผิดเมีย ผิดลูกไม่ ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่คดโกง ไม่รีดไถ ใช้อำนาจหน้าที่ จัดซื้อจัดจ้าง ระวังอีก สองปีจากนี้ ตามพระพุทธองค์ทรงตรัสว่า เกิดขึ้น ตั้ง อยู่ดับไป เหลือไว้ แต่ อนัตตา ไม่ช้าก็เร็ว อย่าทำบาป หยาบช้า ตีหัว หมา ด่าแม่เจ็ก ได้ยินมาตั้งแต่เด้ก ปู่ย่าตายายสอนไว้
ภัทรศิริ แสวง หลงศิริ
www.patsiri.com

ประวัติการค้นหาและการตั้งค่า - เปิดการใช้งานคุกกี้

ประวัติการค้นหาและการตั้งค่า - เปิดการใช้งานคุกกี้ เรากำลังขยาย บริการด้านสมุนไพรไทย ไม่ต้องใช้ ยาจากต่างประเทศ เนื่องจากมีราคาขายแพงกว่าเราหลายเท่าตัว ซื้อแพงทำไม บ้านเรามีสมุนไพรมากมายต่างประเทศยังสั่งเราไปขายเสียอีก เชิญเลือกใช้หาดูสมุนไพรราคาถูก สรรพคุณดีกว่านำเข้ามาเหนือชั้นกว่ามากมาย เงินตราไม่ต้องเสียไป ดูได้ที่ www.patsiri.com

mohjai herbal textbook for bublic living









เรากำลังขยาย บริการด้านสมุนไพรไทย ไม่ต้องใช้ ยาจากต่างประเทศ เนื่องจากมีราคาขายแพงกว่าเราหลายเท่าตัว ซื้อแพงทำไม บ้านเรามีสมุนไพรมากมายต่างประเทศยังสั่งเราไปขายเสียอีก เชิญเลือกใช้หาดูสมุนไพรราคาถูก สรรพคุณดีกว่านำเข้ามาเหนือชั้นกว่ามากมาย เงินตราไม่ต้องเสียไป ดูได้ที่ http://www.patsiri.com/

วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554

Video of mad tsunami waves battering ships, homes, cars after Japan eart...

สมัยก่อน คนอายุยืน เพราะทานสมุนไพร นอกจากใช้สมุนไพร ชั้นยอดเช่น เถาวัลย์เปรียง โคคลาน เถาเอ็นอ่อน กวาวเครือขาว-แดง แล้วยังใช้คาถากำกับ นอกเหนือกว่ายาหรือสมุนไพรที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งไม่มีคาถากำกับยา สมุนไพรเมืองไทย มีหลายแห่งที่ผลิต ใช้สมุนไพร คล้ายๆกัน แตคาถา หมอจ๋าย เกิดสมัย ร 5 ต่อมา ร 6 หมอโบราณหลายคนต้องร้องไห้ เพราะ ห้ามผลิตยาสมุนไพรถ้าไม่ได้เป้นหมอมีใบประกอบโรคศีลป์ หมอชาวบ้าน จึงหมอปัญญา มาจนถึงปัจจุบัน ไทยเราได้ส่งเสริม ให้มีกรมแพทย์แผนทางเลือก รับรองสมุนไพรแพทย์แผนโบราณ ไม่ต้องตามก้นฝรั่ง เหมือนแต่ก่อน เพราะของหมอจ๋าย มีคาถากำกับ บรรจุยาwww.patsiri.comi am so sad about tsunami hit in japan.because of i love japan peoplewww.healthcaresiri.co.cc

Sea of Japan tsunami - 1983

สมัยก่อน คนอายุยืน เพราะทานสมุนไพร นอกจากใช้สมุนไพร ชั้นยอดเช่น เถาวัลย์เปรียง โคคลาน เถาเอ็นอ่อน กวาวเครือขาว-แดง แล้วยังใช้คาถากำกับ นอกเหนือกว่ายาหรือสมุนไพรที่นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งไม่มีคาถากำกับยา สมุนไพรเมืองไทย มีหลายแห่งที่ผลิต ใช้สมุนไพร คล้ายๆกัน แตคาถา หมอจ๋าย เกิดสมัย ร 5 ต่อมา ร 6 หมอโบราณหลายคนต้องร้องไห้ เพราะ ห้ามผลิตยาสมุนไพรถ้าไม่ได้เป้นหมอมีใบประกอบโรคศีลป์ หมอชาวบ้าน จึงหมอปัญญา มาจนถึงปัจจุบัน ไทยเราได้ส่งเสริม ให้มีกรมแพทย์แผนทางเลือก รับรองสมุนไพรแพทย์แผนโบราณ ไม่ต้องตามก้นฝรั่ง เหมือนแต่ก่อน เพราะของหมอจ๋าย มีคาถากำกับ บรรจุยาwww.patsiri.comi am so sad about tsunami hit in japan.because of i love japan peoplewww.healthcaresiri.co.cc

www.patsiri.com 6628107832 0868030656


mohjai my father gave me a herbals textbook to make the products for good health and beauty skin care
ยาตำรับหมอจ๋าย สูตรแพทย์แผนไทย สมัยโบราณ สืบทอดกันต่อมาถึงลูกหลานเหลนโหลน ผลิตเป็นยาสมุนไพรไทยสามัญประจำบ้าน ทานง่ายไม่มีอันตราย บำรุงร่างกาย แก้ปวดเมื่อย แก้โรคลม บำรุงสมรรถภาพ ดูอ่อนกว่าวัย รักษาภายในฟิตกระชับ ระงับกลิ่น ประจำถิ่น มีกลิ่นสาปสาว
ดูรายละเอียดได้ที่ www.patsiri.com

www.patsiri.com 6628107832 0868030656


mohjai my father gave me a herbals textbook to make the products for good health and beauty skin care
ยาตำรับหมอจ๋าย สูตรแพทย์แผนไทย สมัยโบราณ สืบทอดกันต่อมาถึงลูกหลานเหลนโหลน ผลิตเป็นยาสมุนไพรไทยสามัญประจำบ้าน ทานง่ายไม่มีอันตราย บำรุงร่างกาย แก้ปวดเมื่อย แก้โรคลม บำรุงสมรรถภาพ ดูอ่อนกว่าวัย รักษาภายในฟิตกระชับ ระงับกลิ่น ประจำถิ่น มีกลิ่นสาปสาว
ดูรายละเอียดได้ที่ www.patsiri.com

www.patsiri.com

รูปภาพ Blogger

mohjai my father gave me a herbals textbook to make the products for good health and beauty skin care ยาตำรับหมอจ๋าย สูตรแพทย์แผนไทย สมัยโบราณ สืบทอดกันต่อมาถึงลูกหลานเหลนโหลน ผลิตเป็นยาสมุนไพรไทยสามัญประจำบ้าน ทานง่ายไม่มีอันตราย บำรุงร่างกาย แก้ปวดเมื่อย แก้โรคลม บำรุงสมรรถภาพ ดูอ่อนกว่าวัย รักษาภายในฟิตกระชับ ระงับกลิ่น ประจำถิ่น มีกลิ่นสาปสาวดูรายละเอียดได้ที่ www.patsiri.com

ข้อมูลเกี่ยวกับแท็บ "สร้างรายได้" ของบล็อกเกอร์

ข้อมูลเกี่ยวกับแท็บ "สร้างรายได้" ของบล็อกเกอร์ www.patsiri.com หมอจ๋าย พ่อของภัทรศิริ หลงศิริ เป็นหมอแผนโบราณ ก่อนย้อนหลังมา กว่าร้อยห้าสิบปี แต่ยังมีตำรับยาไว้ให้เป็นภาษา ขอม และภาษาบาลี เป็นคาถาปรุงยา ต่อมาได้เอาตำรายา ของพ่อหมอจ๋าย มาทำยาสมุนไพรใช้แคปซูล ทานง่ายพกพาง่าย กินแล้วหายโรคภัย ร่างกายแข็งแรง อายุยืนได้ อย่างมหัศจรรย์ เชิญพบกับสมุนไพรดังกล่าวได้ที่ www.patsiri.com